ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด เผยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 ก.พ.67) ว่า ผลการประชุม FOMC วานนี้มีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25 – 5.50% เป็นการคงดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ครั้งติดกัน โดย ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในการประชุม 20 มี.ค.67 แม้ว่าเงินเฟ้อจะเริ่มลดลง แต่ยังสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% โดยเฟดจะต้องเห็นเงินเฟ้อสหรัฐลดลงอย่างยั่งยืน
หุ้นดิ่ง หลังศาล รธน.สั่งก้าวไกลยกเลิก ม.112 หวั่นเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมือง
บลจ.วรรณ มองเงินทุนต่างชาติยังไหลออก แนะมีหุ้นในพอร์ต 50 %
ขณะที่ ธปท.ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 66 ลงอยู่ที่ 2.4% และอาจส่งผลลบต่อ GDP ปี 67 อาจจะต่ำกว่าเดิมคาดไว้ที่ 3.2% ซึ่งอาจปัจจัยกดดันแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปีนี้
ขณะที่ปัจจัยการเมืองวานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีพรรคก้าวไกลหาเสียงด้วยการยกเลิก ม.112 ถือว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ซึ่ง กกต.อาจมีการทำคำร้องยุบพรรคได้ ส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองในประเทศปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย มีแนวรับดัชนี SET ที่ 1,350 +/- หากยืนไม่ได้มีโอกาสปรับลดลงต่อไประดับ 1,330 – 1,340 โดยมีแนวต้าน 1,370 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มท่องเที่ยว AOT,AAV,MINT,CENTEL ขานรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุด 28 ม.ค. 67 อยู่ที่ 2.74 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ม.ค. จำนวน 4.44 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรับ มาตรการฟรีวีซ่าไทย – จีน
สำหรับหุ้นเด่นที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด แนะนำ คือ
SISB (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 38.75 บาท) แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/66 จะกลับมาฟื้นตัวได้ดี จากการรับรู้จำนวนนักเรียนใหม่เพิ่มขึ้น (ปัจจุบันนักเรียนรวม 4,125 คน ไทย 73% ต่างชาติ 27%) และผลของการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาเต็มไตรมาส (ขึ้นไปตอนเดือน ส.ค.) ประกอบกับไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่มของการเปิดโรงเรียนใหม่ 2 สาขา (นนทบุรีและระยอง) ในช่วงแรกซึ่งเป็นค่าใช้จ่าย one time เหมือนไตรมาสก่อน ส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 น่าจะเป็นจุดที่ดีสุดของปี ส่วนแนวโน้มปี 67 เติบโตได้ต่อเนื่องตามจำนวนนักเรียน โดยมีแผนเพิ่มในสาขาเชียงใหม่ ประชาอุทิศ ธนบุรี และดำเนินการปรับเพิ่มค่าเทอมโดยเฉลี่ยราว +5% ต่อปี ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66-67 ที่ 621 ล้านบาท (+68%YoY) และ 842 ล้านบาท (36%YoY) ตามลำดับ
TU (ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 67 ยู่ที่ 17.80 บาท) คาดขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/66 ที่ระดับ 17,110 ล้านบาท (จากกำไรไตรมาส 4/ 65 ที่ +1,238 ล้านบาท และ ไตรมาส 3/66 ที่ +1,206 ล้านบาท ) โดยหากตัดประเด็นดังกล่าวและ Extra Items อื่นๆออกไป เราประเมินกำไรปกติของ TU ในช่วงไตรมาส4/66 ที่ +1,623 ล้านบาท (-5%YoY, +10%QoQ) ในภาพเทียบรายปี ยังเห็นการปรับลดลงจากฐานสูง แต่ภาพรายไตรมาสฟื้นตัวได้ต่อจาก 1.ออเดอร์ที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น (Inventory ลูกค้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี66 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูง) 2. ราคาต้นทุนปลาทูน่า ที่ปรับลดลงมาอยู่ในโซน 1600 usd/ton (จาก 1800 usd/ton ในช่วงไตรมาส 3/66) ส่งผลให้ valuation สูงขึ้น ราว +2.0 บาท (17.80+2.00 บาท)
ตรวจหวยงวดนี้ – ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ลอตเตอรี่ 1/2/67
โปรแกรมฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบ 8 ทีม พร้อมเวลาแข่งขัน
ผลบอลเอเชียน คัพ 2023 ญี่ปุ่น ควง อิหร่าน เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง